Description

ตามตำราแพทย์แผนไทยท่านว่า

คลอดบุตรวันแรกแล้ว ให้รับประทานชาขับน้ำคาวปลาทุก ๓ ชั่วโมงต่อครั้ง
วันที่ ๒ ให้รับประทาน ๓ ครั้งต่อวัน
วันที่ ๓-๔ ให้รับประทานเช้าและเย็น
วันที่ ๕ ให้รับประทาน ๑ ครั้งต่อวัน

เมื่อหยุดรับประทานชาขับน้ำคาวปลาแล้ว ให้รับประทานน้ำเกลือที่ชื่อ โซดาไฮซัลเฟต ต่อไปอีก ๖ สัปดาห์ วันละ ๒ ครั้ง ส่วนยาควินินนั้น ให้รับประทานมื้อละ ๑ เม็ด ตั้งแต่วันแรกคลอดตอนเช้าและกลางคืนจนครบ ๕ วัน
ถ้าวันใดน้ำคาวปลาไม่เดิน ผู้ไข้มีอาการไม่สบาย หนักคิ้ว ปวดศรีษะ ควรให้รับประทานควินินอีก

ตามความเห็นแพทย์แผนโบราณท่านว่า
ควรจะให้ชาขับน้ำคาวปลาตั้งแต่แรกคลอด วันละ ๓ ครั้ง เพื่อขับน้ำคาวปลาและแก้ไข้แก้อักเสบไปในตัว พร้อมกับยารักษามดลูกและยาประสะน้ำนมไปพร้อมกัน
ในการรับประทานชาเพื่อขับน้ำคาวปลาออกแล้วใส่ความร้อนที่หน้าท้องน้อย น้ำคาวปลาก็จะออกมา ช่วยทำให้สบาย ถ้าน้ำคาวปลาออกแล้วรู้สึกรำคาญไม่สบายก็ควรล้างช่องคลอดด้วยน้ำอุ่นผสมด่างทับทิม เช้า-เย็น

ส่วนผสม
แก่นแสมทะเล เบญจกูล รากปลาไหลเผือก เถาวัลย์เปรียง แก่นขี้เหล็ก ไพล รากตองแตก หัสคุณเทศ หางไหลแดง สมอทั้ง ๓ เปล้าน้อย กระลำพัก ๓ ตุ่ม แก่นลั่นทม ข่า กระเทียม พริกไทย รากส้มกุ้ง ขมิ้นอ้อย ใบมะขาม ใบส้มป่อย ใบส้มเสี้ยว ใบมะกา ฝักส้มป่อย มะขามเปียก ยาดำ สารส้ม เกลือสินเธาว์ เนื้อฝักราชพฤกษ์

วิธีทำ
วิธีที่ ๑ ท่านให้เอาต้มรับประทาน โดยต้มกับน้ำสะอาด ๓ ลิตร เคี่ยวให้เหลือ ๑ ลิตร
วิธีที่ ๒ ต้มน้ำสะอาดด้วยไฟแรงให้เดือดจัด จึงนำถุงชาลงต้มต่ออีก ๒๐-๒๕ นาทีด้วยไฟกลาง
หมายเหตุ: ตัวชานั้นหากดื่มน้ำต้มหมดแล้วสามารถเติมน้ำต้มใหม่โดยลดปริมาณน้ำลงเพื่อความเข้มข้น สามารถต้มดื่มไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจืด หากยังไม่ต้ม สามารถเก็บตัวชาไว้ในช่องแช่แข็งได้ แต่ไม่ควรเก็บไว้นาน ให้สังเกตุลักษณะเอา
วิธีที่ ๓ หากไม่สามารถหาอุปกรณ์เพื่อต้มชาได้เลย ให้แช่ในน้ำร้อนจัดให้ท่วมนานจนน้ำร้อนกลายเป็นน้ำอุ่น เมื่อเทออกดื่มก็เติมน้ำร้อนเข้าไปใหม่ ทำซ้ำได้จนกว่ารสชาจะจืด แต่กางชงวิธีนี้จะได้รับโอสถสารน้อยกว่าการต้ม เพราะสมุนไพรบางชนิดต้องใช้การต้มเคี่ยวเพื่อดึงโอสถสารออกมาให้ได้มากที่สุด

ปริมาณที่ดื่มต่อครั้ง ให้ดื่มครั้งละ ๑ แก้วกาแฟ (ประมาณ ๑๕๐-๒๐๐ มิลลิกรัม)

คำแนะนำเพิ่มเติม
– การต้มเพียงครั้งเดียวจะได้โอสถสารดีที่สุด เพราะโอสถสารจะลดลงเรื่อยๆ
– การดื่มขณะอุ่นๆ ดีที่สุด หากดื่มร้อนไป หรือเย็นไป ร่างกายต้องปรับอุณหภูมิน้ำให้เท่ากับอุณหภูมิภายในร่างกายก่อน ร่ายกายจึงจะสามารถนำพาโอสถสารออกไปใช้ได้ ซึ่งไม่เพียงทำให้ร่างกายทำงานมากขึ้นโดยไม่จำเป็นเท่านั้นแต่ยังทำให้โอสถสารออกฤทธิ์ช้ามากขึ้นด้วย